เป็นซีรีส์แรกที่ Infinix มีทั้งรุ่น 4G และ 5G นำโดย Infinix Note 12 Pro 5G (และมีรุ่น 4G ด้วย) หลังจากวางจำหน่าย Note 12 (4G) ก่อนหน้านี้ อัพเกรดสเปคชิพ Dimensity 810 5G, กล้อง 108MP พร้อมจอ AMOLED สว่างกว่าที่เคย กับราคาประมาณ 7-8 พันบาท ส่วนตัวคิดว่าไม่แพง ตอนนี้มือถือ 5G หลายค่ายปรับราคาขึ้นตามค่าเงิน + ต้นทุนการผลิตยังสูงเหมือนเดิมครับ


สเปค Infinix Note 12 Pro 5G
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว (FHD+)
- ความจุ 128GB UFS 2.2
- ชิพประมวลผล Mediatek Dimensity 810 5G + แรม 8GB
- ระบบ Android 12 (XOS 10.6)
- กล้องหลัก 108MP (ISOCELL HM2), Depth+Macro
- กล้องหน้า 16MP
- แบตเตอรี่ 5000 mAh (ชาร์จเร็ว 33W)

หน้าตาเหมือน Infinix Note 12 มากับ Design ใหม่ ขอบเหลี่ยม บางเพียง 8 มิลลิเมตร ใช้หน้าจอ AMOLED ตัวเดียวกัน (6.7″ FHD+) หมดปัญหาเรื่องจอมืด ทัชไม่หนึบมือ

พอร์ตเชื่อมต่อครบเช่นกัน ทั้ง USB-C, หูฟัง 3.5 มิลลิเมตร และลำโพงสเตอริโอคู่ DTS Sound

กล้องอัพเกรดเป็น 108MP เดิม Infinix นำมาใช้บนรุ่น VIP (ไม่เข้าไทย) แต่นำมาใช้บน Note 12 Pro 5G ด้วย

ชิพประมวลผล Dimensity 810 5G ความแรงประมาณ Snapdragon 695 5G อยู่ในเกณฑ์โอเคทีเดียว แต่เทียบกับ Dimensity 900 5G บน Zero 5G ยังเป็นรองช่วงตัวนึง ถ้าชอบแรงๆ แนะนำไป Zero 5G เลย

พร้อมระบบระบายความร้อน 9-Layer มีแผ่น Graphene ภายใน ตรงนี้ช่วยเยอะเลย เหมาะกับสายเกมเล่นยาวๆ อย่างมากแค่อุ่นครับ ส่วน Infinix Note 12 5G ปรับสเปคกล้องเหลือ 50 ล้านพิคเซล แรม 6GB นอกนั้นเหมือนกัน

ราคา : 8,299 บาท (แรม 8GB+128)
Infinix Note 12 Pro 5G Lazada
** ราคาพิเศษ 7,099 บาท เฉพาะวันที่ 1-4 สิงหาคม 2565

นอกจากรุ่น 5G ในไทยจะวางจำหน่ายรุ่น 4G ด้วยคือ Infinix Note 12 Pro เป็นรุ่นแรกของโลกใช้ชิพ Mediatek Helio G99 แรงสุดในกลุ่ม 4G ตอนนี้ หน้าจอ AMOLED 6.7 นิ้วเท่ากัน กล้อง 108 ล้านพิคเซล บางเบา แถมนำรุ่นความจุ 256GB มาขายด้วย สายถ่ายรูป ลงแอปฯ ลงเกมเยอะไม่ต้องกลัวเมมเต็ม !

มาพร้อม Design ใหม่ กล้องแบบ Circular นอกนั้นเหมือน Infinix Note 12 ทั้งชาร์จ 33W, ลำโพงคู่ DTS ฯลฯ

ด้าน Performance ใช้ชิพ Helio G99 ผลิตขนาด 6 นาโนเมตร สเปคอยู่ในระดับกลางๆ เท่ากับ Dimensity 810 5G เพียงแต่รองรับเฉพาะ 4G เท่านั้น


แกะกล่องตัวจริง กล่องสกรีนมาชัดเจนว่า ‘รุ่นแรกของโลก’ มาพร้อมชิพ Helio G99 และกล้อง 108 ล้านพิคเซล อุปกรณ์แถมครบเหมือนเดิม ทั้งเคส TPU, วอลชาร์จ 33W, สาย USB-C, ฟิล์มกันรอย (ติดมาให้แล้ว) และคู่มือการใช้งาน




รุ่นนี้มาพร้อมจอ AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว (FHD+) แสดงผลโอเคเลยล่ะ แต่เสียดาย 60Hz ถ้าอัพเป็น 90Hz ให้สัมผัสดีกว่าเป็นอยู่ ข้อดีคือสว่าง ทัชติดนิ้ว มุมมองแสดงผลดีกว่าจอ IPS LCD ตรงนี้หลายค่ายใช้งานเช่นกัน กล้องหน้ามาแบบ Notch 16 ล้านพิคเซล



เฟรมบอดี้ Design แบบเหลี่ยมเหมือน Infinix Note 12 พรีเมียมดีครับ พอร์ตเชื่อมต่อครบทั้ง USB-C, หูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, สแกนนิ้วบนปุ่ม Power ลำโพงสเตอริโอคู่บนล่าง



ฝาหลังมาแปลกหน่อย เฉพาะรุ่น 4G วางกล้องแบบ Circular 108 ล้านพิคเซล กรอบเงาแต่ Texture ส่วนอื่นแนว Glitter ทั้งหมด มีให้เลือก 2 สีสันคือ Volcanic Grey และ Tuscany Blue









ระบบภายในใช้ Android 12 ครอบด้วย XOS 10.6 เหมือน Note 12 เคยรีวิวไป ฟังก์ชั่นเนื่ยครบจริงๆ ทั้งแอปฯ ติดมากับตัวเครื่อง เห็นสตรีมมิ่งเพลง – Podcast ของต่างประเทศ (โดยเฉพาะแอฟริกา) ด้วย ตัวจัดการระบบ ฟังก์ชั่น Gesture เปิด 2 หน้าจออะไรมีให้ใช้งาน ลงเกม แอปฯ เพิ่มเติมจาก Play Store



รองรับการเชื่อมต่อ 4G LTE, WiFi 5, Bluetooth 5.2 พร้อม NFC รวมถึง Screen Casting, Android Auto กับรุ่นรถรองรับ



ด้าน Performance อย่างที่ทราบ Infinix นำชิพ Helio G99 ตัวสูงสุดของฝั่ง 4G มาใช้งาน ผลิตบนขนาด 6 นาโนเมตร ประหยัดแบตยิ่งขึ้น ความแรงไม่ใช่เล่นๆ คะแนน AnTuTu ราว 378,xxxx แต้ม รองรับเกมกราฟฟิคสูงได้ดี อาจปรับสุดไม่ได้ แต่เล่นโอเค ไม่ร้อน



แถม Dar-Link Engine จูนประสิทธิภาพระบบ ตั้งค่าแจ้งเตือน ข้อความ ระหว่างเล่นเกมด้วย
รุ่นวางจำหน่ายในไทย แรม 8GB + ความจุ 256GB (UFS 2.2)



กล้องหลักอัพเกรด 108 ล้านพิคเซล (ISOCELL HM2) ไม่มี Ultra-Wide ลูกเล่นกล้องเหมือนกับรุ่นก่อนหน้า ถ่ายคน ถ่ายวิว ถ่ายกลางคืน HDR



ถ่ายวิดิโอสูงสุด 2K 30fps + โหมด Film ถ่าย Vlog ตาม Preset พร้อมแชร์ลง Social ทันที ภาพรวมใช้งานไม่ยาก ถ่ายค่อนข้างเร็วครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Infinix Note 12 Pro 4G












สรุป
มาไกลสุดเท่าที่จะ Infinix ให้ได้แล้วกับ Note 12 Pro 5G เพราะสูงกว่านี้เป็นรุ่น 5G เลย อย่างไรก็ตาม บางคนบอกว่า 5G ไม่จำเป็นตอนนี้ เอาอย่างอื่นแทนได้มั้ย จัดให้ครับ แรม 8GB+256 ความจุเต็มเหนี่ยวเลย ด้าน Performance ถือว่าโอเคเช่นเคย ประหยัดแบต ไม่ร้อน กล้องถ่ายดีขึ้นจาก Infinix Note 12 ด้วย

นอกนั้นยังครบเหมือนเดิม เช่น ลำโพงคู่สเตอริโอ, ชาร์จเร็ว 33W, ลูกเล่น XOS เยอะแยะ ภาพรวมยังคุ้มค่ากับราคา 7,000+- บาท แม้ต้นทุนการผลิตแพงขึ้น ไหนจะค่าเงิน Dollar อ่อน เวลานำเข้ามือถือมาต้นทุนสูงขึ้น แต่ Infinix ยังกดราคาไว้ไม่แพงขึ้นมากนัก

ราคา : 7,999 บาท (แรม 8GB+256)
Infinix Note 12 Pro 4G Lazada
** ราคาพิเศษ 6,799 บาท เฉพาะวันที่ 1-4 สิงหาคม 2565

ทั้งนี้ สำหรับคนต้องการมือถือ 5G สเปคแรงจาก Infinix ส่วนตัวแนะนำ Infinix Zero 5G รุ่นยอดนิยม ราคาเพียง 7,799 บาท (แรม 8GB+128) อ่านรีวิวที่นี่ สั่งซื้อตาม Link ด้านล่างครับ คุ้มจริงจังรุ่นนี้
• Shopee – https://shope.ee/6KRLKGUGYq
• Lazada – https://bit.ly/3uotQmQ