คาดว่ามาชัวร์เร็วๆ นี้สำหรับ Infinix Note 12 Series ซีรีส์เน้นจอใหญ่ ลำโพงคู่ เต็มอิ่มด้าน Content แบตอึดชาร์จไว คราวนี้เปิดตัว 3 รุ่นย่อยด้วยกันครับ โดยตัว Top จัดเต็มทั้งกล้อง 108MP จอ AMOLED 120Hz และชาร์จ 120W เลยทีเดียว สำหรับในประเทศไทย เข้ารุ่นเดียวคือ Infinix Note 12 แล้วซอยรุ่นย่อย – ความจุเอา



สเปค Infinix Note 12
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว (FHD+)
- ความจุ 128GB UFS 2.2
- ชิพประมวลผล Mediatek Helio G96 + แรม 8GB
- ระบบ Android 12 (xOS 10.6)
- กล้องหลัก 50MP + Depth, Macro
- กล้องหน้า 16MP
- ลำโพงคู่สเตอริโอ พร้อมระบบเสียง DTS Sound
- แบตเตอรี่ 5000 mAh + ชาร์จเร็ว 33W
เป็นรุ่นเน้นขายของ Infinix บอดี้พรีเมียมหรูหราทีเดียว บาง 7.9 มิลลิเมตร ขอบเหลี่ยม ระบบระบายความร้อน Graphene ฯลฯ มีให้เลือก 3 สีสันคือ Force Black, Snowfall และ Sapphire Blue คาดว่าราคาประมาณ 6,000 บาท +- ใกล้เคียงกับรุ่นก่อนหน้า


นอกจากนี้ยังมีรุ่น Helio G88 สเปคเหมือนกัน แค่เปลี่ยนชิพ + มีสีทองให้เลือก รุ่นนี้เข้าไทยราคา 5,499 บาท กับแรม 6GB ความจุ 128GB



สเปค Infinix Note 12 VIP
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว (FHD+), รองรับแสดงผล 120Hz
- ความจุ 128GB UFS 2.2
- ชิพประมวลผล Mediatek Helio G96 + แรม 8GB
- ระบบ Android 12 (xOS 10.6)
- กล้องหลัก 108MP + Ultra-Wide 13MP, Depth
- กล้องหน้า 16MP
- ลำโพงคู่สเตอริโอ พร้อมระบบเสียง DTS Sound
- แบตเตอรี่ 5000 mAh + ชาร์จเร็ว 120W

รุ่นนี้เพิ่มความพรีเมียมด้วยกระจก Aerospace-Grade ทนทานยิ่งขึ้น บางเพียง 7.9 มิลลิเมตร มี 2 สีสันคือ Cayenne Grey, Force Black ล่าสุดทาง Infinix Thailand ยืนยันว่า VIP ไม่วางจำหน่ายในไทยครับ


สเปค Infinix Note 12i
- หน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.82 นิ้ว (HD+), รองรับแสดงผล 90Hz
- ความจุ 128GB UFS 2.2
- ชิพประมวลผล Mediatek Helio G85 + แรม 4GB
- ระบบ Android 12 (xOS 10.6)
- กล้องหลัก 50MP + Macro, Depth
- กล้องหน้า 8MP
- ลำโพงคู่สเตอริโอ พร้อมระบบเสียง DTS Sound
- แบตเตอรี่ 5000 mAh + ชาร์จเร็ว 18W
โมเดลนี้สเปคเหมือน Infinix Hot 12 ที่ขายปัจจุบัน


สำหรับ Infinix Note 12 รุ่นประธานวางขายจริง มากับความจุ 128GB และ 256GB เอาใจคนชอบ Storage มาก แบบไม่ต้องพึ่ง MicroSD ในกล่องแถม TPU Case, สายชาร์จ USB-C, วอลชาร์จ 33W ติดฟิล์มกันรอยให้เรียบร้อย



หน้าจออัพเกรดใหม่ AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว (FHD+) ขอบบาง พาเนลเรียบ แต่มีข้อจำกัดแสดงผล 60Hz ผมใช้จอ 90-120Hz จนชิน อาจจะขัดหูขัดตาไปบ้าง อย่างไรก็ตาม เรื่องสีสัน ความสว่าง การทัชหน้าจอ ไม่ทำให้ผิดหวัง เล่นเกม ดูหนังเต็มตาสุด กล้องหน้าใส่มา 16MP


บอดี้บางมากทีเดียว 7.8 มิลลิเมตร น่าจะบางสุดเท่าที่เคยทำ ขอบเหลี่ยม พอร์ตเชื่อมต่อครบ Type-C, หูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ปุ่มสแกนนิ้วบน Power แถมลำโพงสเตอริโอคู่ด้วย



ฝาหลังมาพร้อมลวดลายใหม่ พริ้วไหวดั่งสายธาร ผมว่ามันพรีเมียมน้อยกว่ารุ่นก่อนๆ ถึงความจริงใส่เคสก็เถอะ มุมซ้ายบนกล้อง 50 ล้านพิคเซล ตัด Ultra-Wide ออก บางคนอาจไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่











ด้าน Software ใช้ Android 12 ครอบด้วย XOS 10.6 เหมือนกับ Infinix Hot 12 การทำงานรวดเร็วดี แอปฯ ติดเครื่องเยอะ ตัวไหนไม่ใช้ลบออกได้ครับ ลงเพิ่มผ่าน Play Store ปกติ ที่น่าสนใจเขามี Boomplay สตรีมมิ่งต่างประเทศ นิยมมากในฝั่งแอฟริกา / ฟิลิปปินส์ เพลงไทยเหมือนจะยังไม่มี




รองรับการเชื่อมต่อ 4G สองซิม / WiFi 5 / BT 5.1 ตามมาตรฐาน




ด้าน Performance ใช้ Helio G96 SoC ทาง Infinix ใช้มาหลายรุ่นแล้ว คะแนน AnTuTu ประมาณ 320k เล่นเกมกราฟฟิคสูงอย่าง Ni No Kuni ปรับกลางไหว หรือ Black Desrt Mobile ผมเล่นประจำสบายอยู่ครับ แน่นอนว่า Free Fire ที่เป็นสปอนเซอร์หลัก เล่นลื่นชัวร์ .. แต่มีข้อเสียนิดหน่อยตรงไม่มีเมนูปรับ Scale หน้าจอ เหลือขอบเยอะเลยแหละ


กล้องติดมา 50 ล้านพิคเซล เมนูพื้นฐานครบ คุณภาพกลางๆ ไม่หวือหวามากนัก
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Infinix Note 12
สรุป
รุ่นนี้เน้นขายความ Sleek & Slim Design ต่างจาก Infinix Note Series รุ่นก่อนมีขนาดใหญ่ หนา แต่ Infinix Note 12 เบาบางใช้งานสะดวกมือ ด้าน Performance อยู่ในเกณฑ์ดี สมราคา พร้อมความจุ 256GB ครั้งแรก เอาใจคนชอบลงโน่นลงนี่ ถ่ายรูปเยอะ เมมเหลือเฟือกันไปเลย

อย่างไรก็ตาม ระดับราคานี้มีคู่แข่งทำราคาลงมาชน เช่น
- Galaxy M23 5G – https://bit.ly/3MdfaNy
- Redmi Note 10 5G – https://u.jd.co.th/tCKzzCc
- Infinix Note 10 Pro – https://shope.ee/3piYBt4I1A
- realme Narzo 50 – https://shope.ee/6zfvd8QTre

✱ Shopee – https://shope.ee/1pxLtVQSR7
✱ Lazada – https://bit.ly/3yTyJYd
✱ JD Central – https://bit.ly/3mfGqQL
ทั้ง 3 โมเดลทยอยวางจำหน่ายช่วง June 2022 เป็นต้นไป แน่นอนว่าเน้น Infinix Note 12 เต็มๆ ส่วนรุ่น VIP ยืนยันว่าไม่เข้า 100% และผมแนะนำ Infinix Zero 5G ที่สเปคดีกว่าครับ