ถ้าจำไม่ผิด ส่วนตัวมา Safari World ครั้งสุดท้ายช่วงประถม เท่ากับเกิน 20 ปี ขนาดขับรถจากบ้านแค่ 30 นาที ธรรมดาแหละ ของใกล้บ้านมักจะมองข้ามประจำ ล่าสุดมีโอกาสกลับเยี่ยมเยือนอีกรอบ กับมิตรสหาย @Bacidea + น้องพลอย เรียกว่าความทรงจำวัยเด็กย้อนกลับมาเลยทีเดียว


ทริปนี้ผมใช้ Galaxy S22 Ultra เก็บภาพบรรยากาศทุก Zone เท่าที่เข้าชม คิดว่าใช้คุ้มมาก หลายสถานการณ์พึ่งพาเลนส์ Tele-Photo โดยเฉพาะถ่ายสัตว์ต่างๆ ออกมาสวยขนาดไหน ชมต่อเลย

ตอนนี้ Safari World เปิดบริการตามปกติ (เมษายน 2022) ส่วนตัวแนะนำมาวันธรรมดา เลี่ยงความหนาแน่น ส่วนวันหยุดคนเยอะกว่าปกติ โดยเฉพาะช่วงบ่าย พาลูกหลานมาเที่ยวพักผ่อนกัน ร้อนน้อยกว่าช่วงเช้า-เที่ยง ฮ่าๆ ถ้ามาช่วงเทศกาลพิเศษ อาจมีโชว์ด้วย

คิดว่ามาบ่อย แนะนำซื้อ ตั๋วปี (Annual Pass) ราคาเดียว 999 บาท เค้าจะออกบัตรแข็ง พร้อม QR Code ถ่ายภาพเจ้าของลงด้วย เข้าได้ไม่จำกัดรอบ อยากมาเดินเล่น ถ่ายรูป พักผ่อนกลางสวนป่า มา 2-3 รอบก็คุ้มละครับ
ซื้อผ่าน Shopee – https://shope.ee/1L0CDybx0T แล้วเอาโค้ดมาทำบัตรแข็ง Counter ทางเข้า



ผ่านประตูเข้ามา เจอ Zone นกแก้ว ตรงนี้เสียงดังหน่อยนะ


ก่อนอื่นมาดู Maps ก่อนไปไหนดี ถ้าดูโชว์มีวันละ 1-2 รอบ เก็บครบเลยควรมาช่วงเช้า นอกนั้นเป็น Zone ปกติ สามารถดูน้องๆ อย่างอิสระ ยกเว้น Extra อย่างถ่ายรูปกับเสือ – ลิง / ป้อนอาหารนก ฯลฯ ต้องจ่ายเงินซื้อเพิ่มเอง



สำหรับ Food Court มีอาหารขายหลายอย่าง ราคาแอบแรง แต่ปริมาณ-รสชาติโอเคนะ ฟีลกินข้าวริมบึง บรรยากาศดีไม่ร้อน แวะเติมพลังก่อน



โซน Aviary พบกับนกฟลามิงโก้ฝูงใหญ่




แวดล้อมเหมือนเดินเทรล เข้าป่า ต้องบอกว่าต่างจากสวนสาธารณะปกติ ต้นไม้ ระบบนิเวศ พัฒนามายาวนานกว่า 30 ปี



โซน Nyala



ทะลุมาอีกฝั่ง ตรงนี้มี Zone อาหาร + ชาไข่มุก และสะพานเชือกขึงข้ามลำธาร เหมือนเที่ยวป่าชายเลน เป็นมุมยอดนิยมต้องมาถ่ายรูปเลยทีเดียว



ใกล้กันเป็น Zone ของ Manatee (วัวทะเล) สามารถเข้าชมตู้กระจก หรือขึ้นชมชั้นบนได้เช่นกัน




เดินมาอีกนิด ทาง Safari World จัดกิจกรรมถ่ายรูปกับนกฮูก เสือน้อย และลิง (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) มาทั้งที ถ่ายเก็บเป็นที่ระลึกหน่อย


Zone จระเข้




อีก Zone จัดว่าเป็น Hilight ต้องมาดูให้ได้คือ ‘คาปิบาร่า‘ นอกจาก Safari World ต้องไปชมถึง ‘สวนสัตว์เปิดเขาเขียว‘ ดังนั้นมา Safari เถอะครับ สะดวกกว่า ชอบน้องๆ สามารถซื้ออาหารเลี้ยงได้เลย




ด้านในมีโชว์ช้าง กับวอลรัส (เช็ครอบการแสดงอีกครั้ง) และอาคารเพาะเลี้ยงนก จากไข่เป็นตัว เป็น Lab ใช้งานจริงนะครับ ไม่ใช่ Mock-Up



ออกมาอีกทาง เจอเต่าชูคาต้า ปลาน้ำจืดยักษ์






ถึงเวลาบ่ายสองครึ่ง ‘สงครามจารกรรม‘ โชว์ Stunt คลาสสิค + Special Effect เด็กๆ ชอบมากครับ แม้เนื้อหาจะไม่ปรับเปลี่ยน มาดูตอนผู้ใหญ่ว้าวอีกแบบแหะ คนเข้าชมเยอะทีเดียว

ฮิปโปก็มีนะ



เข้า ‘ศาลายีราฟ‘ ที่นี่เคลมว่าเลี้ยงน้องๆ มากที่สุด อยากส่องอะไร Galaxy S22 Ultra ซูมถึงหมดจ้า เป็นส่วนนึงของ Open Safari เดี๋ยวเราต้องขับรถเข้าชมภายหลัง








นอกนั้นอยากซูมนก ลิง อะไรก็ชัดหมด 3-10X





สำหรับโซน Safari Park แสดงบัตร Annual Pass ขับเข้าชมได้เลย มีกฎเหล็กสำคัญคือ ‘ห้ามลงจากรถเด็ดขาด‘ ลดกระจกถ่ายรูป ทำได้เฉพาะ Zone สัตว์ปกติเท่านั้น ส่วน Zone เสือ-สิงโต ดูอย่างเดียวดีกว่า (เกิดเหตุฉุกเฉินมีเจ้าหน้าที่ Standby ตลอดเวลา)


จากสภาพอากาศค่อนข้างร้อน เห็นน้องนอนพักผ่อนมากกว่าเดินเล่น

สรุป
เข้าไปประมาณเที่ยง ออกมาเกือบ 5 โมงเย็น เหมือนจะขาด River Safari, Cowboy Show, โลมาโชว์ ไว้มาอีกรอบ เพราะเราซื้อบัตรปีแล้ว อย่างไรก็ดี บาง Zone ยังปิดบริการ เข้าใจว่าเพิ่งกลับมาเปิดบริการไม่นานครับ เวลาผ่านไปเร็วดี เหนื่อยมาก ร้อนมาก แต่มีความสุข กลับมาย้อนความทรงจำอีกรอบ

ข้อแนะนำของการมา Safari World คือต้องเผื่อเวลาดูโชว์ / เดินทาง หากต้องการเก็บทุก Zone ในวันเดียว แล้วปิดท้ายด้วย Safari Park ขับวนรอบนึง แล้วปิดทริป :D
เช็ครอบการแสดง – เวลาเปิดปิด ผ่านเพจ | https://www.facebook.com/safariworld.bangkok
ภาพถ่ายจาก Galaxy S22 Ultra | https://terabox.com/s/1WsbnlHLDo-Bxko8khExYOw
ภาพทั้งหมดใช้ Galaxy S22 Ultra ถ่าย ผมการันตีเลยว่า ‘โหดทุกสถานการณ์‘ ทั้งมุมกว้าง ซูมเจาะ เก็บภาพถ่ายมุมที่คนอื่นไม่เห็น iPhone 13 Pro Max ก็ทำแบบนี้ไม่ได้ :P ไม่ผิดหวังจริงๆ ครับ ทริปหน้าไปไหนต่ออีก ติดตามผ่าน papayatop.com